ฝังมุก

ฝังมุก (pearling)

“ทำไปเพื่ออะไร มันดูน่าชื่นชมตรงไหน ดูน่าเกลียดน่ากลัว ถ้าฝังมุกมาหนูไม่กล้ามีอะไรด้วยหรอก”

ติดต่อคลินิค

ฝังมุก กับหมอเบียร์ ดีกว่ายังไง

  • ราคาดีกว่า(ถูกกว่า )
  • มาตรฐานเดียวกัน (สำคัญที่หมอ เทพมั๊ย)
  • ดูแลทั่วถึงกว่า (ตามสาขาที่ใกล้บ้าน)
  • ประสบการณ์มากกว่ามาก (เกิน 10ปี)

แล้วจะจ่ายแพง ไปทำไม

เชื่อว่าความคิดนี้อยู่ในหัวหลายๆคนครับอาจมองดูเหมือนคนโรคจิตวิตถารบ้ากาม ข่าวที่ออกมาตีไปในเชิงแง่ลบทั้งนั้น ซึ่งต้องขอเอ่ยก่อนเลยว่า การฝังมุกนั้นมีทั้งดีและไม่ดี “แล้วการฝังมุกมันดีอย่างไรล่ะ” ถ้าฝังมุกแบบถูกวิธีรับรองสาวๆจะติดใจ ซึ่งในปัจจุบันการฝังมุกนั้นต้องยอมรับว่าส่วนใหญ่มักทำกันเอง และทำโดยหมอกระเป๋าซึ่งมีราคาถูกกว่าราคาที่ทำโดยแพทย์เฉพาะทาง หรือเกิดจากความคึกคะนองลองทำ

ซึ่งวันนี้ “หมอเบียร์” จะมาเล่าให้ฟังว่าฝังมุกนั้นมันดีอย่างไรการฝังมุกนั้นอันตรายไหม การฝังมุกนั้นต้องใช้ขนาดไหนดีถึงจะเหมาะสมกับน้องชายเรา การฝังมุกนั้นกี่วันถึงใช้งานได้ ซึ่งในบทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการฝังมุกมาให้พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคนได้คลายข้อสงสัยกันครับ

ฝังมุก หมอเบียร์

ฝังมุกคืออะไร

ฝังมุก (Pearling) คือการผ่าตัดนำวัสดุที่มีลักษณะกลมเกลี้ยงเข้าไปในบริเวณหนังหุ้มขององคชาต ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกฝังบริเวณลำขององคชาต ซึ่งการฝังมุกมีมาตั้งแต่โบราณ ซึ่งมีบันทึกตั้งแต่สมัยอยุธยาว่าการฝังมุกนั้นมีมานานกว่า 1,000 ปีแล้ว

โดยการฝังมุกนั้นมีวัสดุในการฝังหลากหลายรูปแบบเช่น พลาสติก แก้ว ซิลิโคนหรือไข่มุกเป็นต้นและการฝังมุกนั้นมักจะนิยมฝังหลายตำแหน่ง พบว่าในผู้ชายบางคนฝังมากกว่า3เม็ดขึ้นไป โดยเชื่อว่าการฝังมุกนั้นสามารถทำให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้อย่างรวดเร็วและบางรายมองว่าเป็นแฟร์ชั่นสำหรับวัยรุ่น

แต่ความเข้าใจในการฝังมุกของวัยรุ่นนั้นยังมีความเข้าใจผิดๆและไม่รู้หลักการจริงๆของการฝังมุก แต่ทั้งนี้ถ้าฝังมุกแบบถูกต้องถูกวิธีจะทำให้มุกนั้นมีข้อดีอย่างมาก ซึ่งข้อดีการฝังมุกนั้นมีข้อดีดังนี้

  1. สามารถทำให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้เร็วกว่าปกติ
  2. เสริมความมั่นใจในการมีเพศสัมพันธ์
  3. เพิ่มสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย
ประวัติศาสต์การฝังมุก

การฝังมุกอันตรายไหม

ถ้าเรามองถึงอันตรายของการฝังมุก “แน่ละถ้าฝังมุกกันเองโดยไม่มีความรู้นั้นอันตรายแน่” โดยการฝังมุกในปัจจุบันที่กลุ่มวัยรุ่นชอบทำกันเองหรือทำกันในเรือนจำ โดยวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาทำนั้นก็มักจะเป็นลูกปัด เศษแก้ว (มาทำให้เป็นเม็ดกลม) เม็ดพลาสติกและอีกหลายๆอย่างที่มีลักษณะกลม โดยไม่คำนึงถึงการติดเชื้อและผลที่ตามมา

แต่ในทางกลับกันถ้าการฝังมุกทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้นย่อมมีข้อดีอยู่แล้ว เราควรให้ความสำคัญเรื่องสุขอนามัยในการฝังมุก เพราะการฝังมุกนั้นเป็นการผ่าตัดขนาดเล็กจึงต้องมีอุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาเป็นอย่างดี

“การกินยาลดปวดอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ”  โดยการฝังมุกนั้นไม่ใช่จะฝังหลายเม็ดและขนาดเท่าไหร่ก็ได้ “บางรายจู๋เล็กแต่มุกใหญ่บะเร่อเท่อ บางรายฝังมุกนึกว่าลูกประคำ หวังว่าสาวๆจะชอบ” นั้นเป็นสาเหตที่ทำให้การฝังมุกดูอันตรายจากสายตาทุกคน ทำให้การฝังมุกถูกมองไปในเชิงแง่ลบ และสาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากการทำให้คู่รักเกิดการอักเสบที่อวัยวะเพศบางรายถึงกับเลือดออก (โดนมุกบาด) ซึ่งการฝังมุกที่ดีและถูกวิธีนั้นเราต้องมีความรู้ก่อนตัดสินใจทำการฝังมุก

วิธีฝังมุกแบบถูกวิธีและการเลือกขนาดมุก

“มุกแบบไหนที่ฝังไปแล้วโดนด่ามากกว่าชม” มุกที่ดีต้องช่วยได้ในการเพิ่มขนาดและทำให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้ตรงจุด โดยการฝังมุกแบบถูกวิธีนั้นต้องกระตุ้นจุดจีสปอร์ตของผู้หญิงนั้นเอง

ฉนั้นเราก็ต้องรู้ก่อนว่าจุดจีสปอร์ตของผู้หญิงนั้นอยู่ตรงไหน โดยจุดจีสปอร์ตของผู้หญิงนั้นจะอยู่บริเวณผนังด้านหน้าของช่องคลอดเข้าไปประมาณ 1 นิ้ว คือจุดที่มุกทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเป็นข้อดีของการฝังมุก

ดังนั้นการฝังมุกจึงฝังมั่วๆไม่ได้และไม่จำเป็นต้องฝังจำนวนมาก ซึ่งการมีจำนวนมุกมากนั้นนอกจากกระตุ้นไม่ถูกจุดแล้วจะทำให้คู่รักเจ็บอีกด้วย ส่วนวิธีการเลือกขนาดของมุกและวัสดุที่ใช้ในการฝังมุกโดยเทคนิค “หมอเบียร์” มีดังนี้

  • การฝังมุกให้ดูขนาดของอวัยวะเพศของเรา ซึ่งถ้าเรามีขนาดอวัยวะเพศที่เล็กเกินไปแล้วฝังมุกใหญ่นั้นโอกาสการฉีกขาดหรือที่เรียกกันว่ามุกหลุดนั้นมีโอกาสสูง โดยการเลือกขนาดแพทย์จะพิจารณาให้ตามชนาดองคชาต
  • มุกที่ใช้ในปัจจุบันที่มีการวิจัยและยอมรับในทางการแพทย์จะเป็นมุกที่เป็นลักษณะกลมและให้ตัวได้ มุกที่ดีที่สุดในปัจจุบันจึงเป็นมุกซิลิโคน สาเหตุเนื่องจากการที่มุกซิลิโคนสามารถให้ตัวได้และมีความนิ่มนั้นจะทำการกระตุ้นจุดจีสปอร์ตได้ดีกว่านอกจากไม่เจ็บแล้วยังได้สัมผัสที่ดี (จากการที่หมอเบียร์ได้สอบถามคนไข้ที่ได้ใช้งานไปแล้ว) ดังนั้นมุกที่ใช้จึงไม่นิยมใช้มุกที่มีลักษณะที่แข็ง
  • การฝังมุกที่ดีคือมุกที่อยู่ตำแหน่งที่ใช้งานได้ กระตุ้นจุดจีสปอร์ตได้ตลอด มีความยืดหยุ่นและไม่เจ็บทั้ง 2 ฝ่ายขณะมีเพศสัมพันธ์

จากคำแนะนำในการฝังมุกของ “หมอเบียร์” ก่อนจะทำการฝังมุกเราควรต้องขลิบปลายอวัยวะเพศออกก่อน เนื่องจากการฝังมุกโดยมีหนังหุ้มปลายอาจดูสวยขณะอวัยวะเพศยังไม่แข็ง แต่ในขณะอวัยวะเพศเราแข็งและมุกมาอยู่บริเวณครึ่งลำขององคชาต

อาจทำให้มุกเคลื่อนที่และกระตุ้นไม่ถูกจุด และสามารถทำให้บริเวณหนังหุ้มปลายเกิดการฉีกได้ โดยมุกที่ดีควรอยู่ในแนวหลังหัวองคชาตและอยู่ในแนวช่องคลอดตลอดเวลา ส่วนใครสนใจอยากปรึกษาหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถปรึกษาหมอเบียร์ได้ที่ Line id @eternityclinic2 ได้ครับ

ฝังมุกกี่วันถึงใช้งานได้

การฝังมุกนั้นเป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก โดยวิธีการทำจะทำการฉีดยาชาที่บริเวณองคชาตใช้ระยะเวลาเพียง 15-30 นาทีก็เป็นอันเสร็จ สามารถใช้ชีวิตได้ปกติไม่ต้องนอนพักรักษา

หลังจากฝังมุกแผลไม่ควรโดนน้ำอย่างน้อย 2-3 วันและควรพักรักษาอย่างน้อยจนกว่าแผลจะหายประมาณ 1 สัปดาห์แล้วก็อย่าร้อนวิชาก่อนนะครับประมาณ 2 อาทิตย์ถึงจะสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ “บอกน้องๆรอหน่อยนะจ้ะ”

สรุป

การฝังมุกนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อเสียส่วนใหญ่นั้นเกิดจากการฝังมุกที่ผิดประเภทและผิดวิธี โดยปฎิเสธไม่ได้เลยว่าจากประสบการณ์ในการแก้มุกจากคนไข้นั้นมักมาจากวิธีทำกันเองและใช้วัสดุผิดๆ การฝังมุกให้ดีและมีประสิทธิภาพนั้นควรฝังบริเวณที่กระตุ้นอีกฝ่ายได้ดีจึงจะเป็นข้อดีของการฝังมุก การเอาจำนวนมุกที่มากเข้าว่าก็ยังเป็นการเข้าใจผิดๆว่าสาวๆจะชอบ เจ็บตัวอย่างเดียวไม่พอยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ยังโดนไล่มาเอาออกอีก “ฝังมุกให้ดี ฝังมุกให้โดน ฝังมุกแล้วสาวๆชอบ” ทักหมอเบียร์มาครับหมอเบียร์ทำให้