นกเขาไม่ขัน สาเหตุที่แท้จริงคืออะไร

ปัญหาโลกแตกของท่านชายหลายคน นกเขาไม่ขัน หรืออาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) เป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปแต่น้อยคนนักที่จะยอมรับ และมักหาวิธีแก้ปัญหาในอินเทอร์เน็ต ซื้อยา ซื้อสมุนไพรมากิน เพราะหวังว่าอาการเหล่านี้จะหมดไป แต่รู้หรือไม่ว่าเป็นการแก้ปัญหาแบบผิดๆ บทความนี้จะมาช่วยให้คุณเข้าใจถึงอาการนกเขาไม่ขันได้มากขึ้นรวมทั้งอธิบายการรักษาที่ถูกต้อง พร้อมกับวิธีการป้องกันเพื่อไม่ให้ปัญหาเหล่านี้มากวนใจเรื่องบนเตียงของคุณ

อาการแบบไหนเรียกว่านกเขาไม่ขัน

นกเขาไม่ขัน (Erectile Dysfunction) หรือการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ คือ การที่น้องชายของเราไม่สามารถแข็งตัวได้ปกติ ซึ่งสาเหตุมีทั้งด้านร่างกายและจิตใจ โดยเราสามารถสังเกตด้วยตัวเองได้ว่า ตัวเรานั้นมีอาการที่บ่งบอกว่าสมรรถภาพทางเพศของเราหย่อนกว่าปกติหรือไม่ ดังนี้

• น้องบายไม่สามรถแข็งตัวได้
• น้องชายแข็งแต่ไม่นานพอให้เรามีเพศสัมพันธ์จนถึงจุดสุดยอดได้
• มีความต้องการทางเพศที่ลดลง
• มีปัญหาในการหลั่ง
• มีปัญหาสุขภาพที่อาจส่งผลให้น้องชายไม่แข็งตัว 

หากพบว่าเข้าข่ายของอาการข้างต้นที่กล่าวมา หรืออาการใดอาการหนึ่ง ควรปรึกษาแพทย์ที่มีความเชียวชาญเฉพาะทางเพื่อแก้ปัญหาได้ถูกต้องและรวดเร็ว

สาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไร

สาเหตุของอาการนกเขาไม่ขันนั้นจะแบ่งได้หลักๆ 2 สาเหตุ คือ ทางด้านร่างกาย และ ทางด้านจิตใจ ดังนี้

1. สาเหตุทางด้านร่างกาย  คือ การที่นกเขาของเราไม่ขัน อาจเป็นเพราะปัญหาทางด้านสุขภาพบางอย่างที่เราเป็นอยู่ ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือด มีความผิดปกติของอวัยวะเพศ ฮอร์โมนเพศชายบกพร่อง โรคตับ ฯลฯ พฤติกรรมการใช้ชีวิต การสูบบุหรี่จัด การออกกำลังกายน้อยกว่า 1 ชม./สัปดาห์ นอกจากนี้ ผลข้างเคียงจากการกินยาบางตัว หรือผลข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็ง ก็มีผลทำให้น้องชายของเราไม่แข็งตัวด้วยเช่นกัน
2. สาเหตุทางด้านจิตใจ คือ อย่างที่ทุกคนทราบกันว่าสมองของคนเรามีบทบาทสำคัญในการทำงานของร่างกายรวมถึงการกระตุ้นให้เพศชายแข็งตัวด้วยเช่นกัน เมื่อมีสิ่งที่ไปรบกวนสมองจะส่งผลไปถึงความรู้สึกนึกคิดรวมถึงจิตใจของเราด้วย ส่งผลให้น้องชายเราไม่แข็งตัว เช่น ความเครียด ภาวะซึมเศร้า ปัญหาความขัดแย้ง หรือความสัมพันธ์กับคู่นอนที่ไม่ดีนัก เป็นต้น

นกเขาไม่ขันรักษาได้ไหม อย่างไร

อาการนกเขาไม่ขันหรือหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แน่นอนว่าการแพทย์สมัยนี้สามารถรักษาได้อยู้แล้วใแต่การรักษาของแต่ละเคสอาจจะมีความแตกต่างกันโดยแพทย์จะวินิจฉัยจากสาเหตุและปัญหาที่เกิดขึ้นในรายบุคคล เพื่อให้ได้การรักษาที่ตรงจุดที่สุด ซึ่งหมอเบียร์ได้รวบรวมเทคนิคที่หมอเบียร์ได้ใช้ในการรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศไว้แล้ว ดังนี้

1. รักษาด้วยวิธีการใช้ยา วิธีนี้เป็นวิธีการรักษาแรกเริ่ม สำหรับผู้ที่มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศน้อย ซึ่งจะใช้ยาในกลุ่ม PDE-5 หรือยาไวอากร้า (Viagra) ที่หลายคนเคยได้ยินกัน เพื่อช่วยในการกระตุ้นให้น้องชายของเราแข็งตัวได้นานขึ้น
2. รักษาด้วยการทำ Shockwave Therapy เป็นวิธีการใช้คลื่นความถี่ในการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ด้วยเทคนิคเฉพาะของหมอเบียร์ ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้จะสามารถรักษาผู้ที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง
3. รักษาด้วยการผ่าตัด การผ่าตัดเพื่อรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศนั้นจะใข้กับคนไข้ที่มีอาการรุนแรง ซึ่งหมอเบียร์แบ่งเทคนิคการผ่าตัดเพื่อรักษาได้เป็น 3 วิธี ดังนี้

• การผ่าตัดใส่แกนเทียม ( Protheses )
• ผ่าตัดแก้ไขเส้นเลือดแดงอุดตัน
• ผ่าตัดแก้หลอดเลือดดำ

จากหัวข้อที่ถามว่านกเขาไม่ขันสามารถรักษาได้ไหม จะเห็นว่าสามารถรักษาได้ โดยการรักษาตามวิธีที่กล่าวมา แต่สิ่งแรกที่ควรทำคือการเข้ามาตรวจร่างกายและฟังคำวินิจฉัยจากแพทย์ให้แน่ชัดก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษา เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่คิดไปเองว่าเกิดจากสาเหตุอื่น ทำให้รักษาได้ไม่ตรงจุด และแก้ไม่หายซักที หากใครมีปัญหาต้องการปรึกษาแพทย์ หรือสามารถติดต่อหมอเบียร์ได้ที่ Line : @eternityclinic4 ซึ่งมีผู้เชียวชาญคอยให้คำปรึกษาฟรีตลอด 24 ชั่วโมง

การหลีกเลี่ยงปัญหานกเขาไม่ขัน

การป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดอาการนกเขาไม่ขัน สามารถเริ่มง่ายๆด้วยตัวเอง ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ การลดหรือเลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ จะเป็นได้ว่าเป็นการดูแลตัวเองขั้นพื้นฐาน  

ซึ่งนอกจากจะช่วยไม่ให้เกิดอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศแล้วยังช่วยให้สุขภาพเราดีขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอยังช่วยกระตุ้นฮอโมนส์เพศชายได้เป็นอย่างดี หากเป็นผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวร่วมด้วย ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ และเข้าตรวจเช็คร่างกายอย่างสม่ำเสมอ

สรุปอาการนกเขาไม่ขันป้องกันได้อย่างไร

นกเขาไม่ขันหรือภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ สามารถเกิดขึ้นเองจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละคน หรือเป็นอาการแทรกซ้อนจากโรคประจำตัวและผลข้างเคียงจากการรักษา ซึ่งในปัจจุบันสามารถรักษาได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับอาการที่มากน้อยต่างกันไป ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นควรเริ่มดูแลตัวเองจากภายในสู่ภายนอก โดยเริ่มง่ายๆด้วยวิธีการดูแลตัวเองขั้นพื้นฐาน ซึ่งเชื่อว่าเป็นสิ่งที่หลายๆคนรู้อยู่แล้ว แต่มีน้อยคนที่เริ่มจะทำ ถ้าไม่อยากรู้สึกสายไปที่จะรักตัวเอง ควรเริ่มใสใจสุขภาพได้แล้วตั้งแต่วันนี้